- July 21, 2021
- by admin
- blogs
- 0 Comments
แอนดรูว์ คาร์เนกี เจ้าของธุรกิจเหล็ก ผู้เคยรวยสุด ในสหรัฐอเมริกา
ทุกวันนี้ “เหล็ก” ถือเป็นส่วนสำคัญ สำหรับสิ่งก่อสร้างแทบทุกชนิด
รู้หรือไม่ว่า การใช้เหล็กเป็นโครงสร้างในทุกวันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากชายที่มีชื่อว่า “แอนดรูว์ คาร์เนกี”
1
ในยุคนั้น เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเหล็กและได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
แล้วเรื่องราวของบุรุษเหล็กคนนี้ เป็นอย่างไร ?
แอนดรูว์ คาร์เนกี เกิดที่เมืองดันเฟิร์มลิน ประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ในปี 1835
ในวัยเด็กเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากครอบครัวของเขานั้นมีฐานะยากจน
ครอบครัวของเขาก็ได้อพยพไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคาร์เนกีต้องออกไปช่วยทำงานหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก
เริ่มต้นจากการเป็นเด็กส่งเอกสารในบริษัทโทรเลขแห่งหนึ่งในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับค่าจ้าง 2.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์
โดยตลอดการทำงานเขาได้ทำตามคำแนะนำของลุงของเขา คือ
– การทำงานด้วยความตั้งใจ
– จดจำสถานที่ทางธุรกิจและบุคคลสำคัญ
ในเมืองพิตต์สเบิร์ก ให้ได้ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งและเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้รู้จักคนมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง ความสามารถของเขา ก็ไปเตะตาของ ทอมัส สกอตต์ ผู้กุมบังเหียน The Pennsylvania Railroad บริษัทรถรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ชวนคาร์เนกี ให้มาทำงานร่วมกัน ซึ่งนี่ถือเป็นช่วงที่เขาได้สะสมประสบการณ์ล้ำค่า โดยสิ่งที่ได้จากการทำงานร่วมกับ ทอมัส สกอตต์ มี 2 อย่างคือ
– การทำงานด้วยความตั้งใจ
– จดจำสถานที่ทางธุรกิจและบุคคลสำคัญ
ในเมืองพิตต์สเบิร์ก ให้ได้ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งและเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้รู้จักคนมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง ความสามารถของเขา ก็ไปเตะตาของ ทอมัส สกอตต์ ผู้กุมบังเหียน The Pennsylvania Railroad บริษัทรถรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ชวนคาร์เนกี ให้มาทำงานร่วมกัน ซึ่งนี่ถือเป็นช่วงที่เขาได้สะสมประสบการณ์ล้ำค่า โดยสิ่งที่ได้จากการทำงานร่วมกับ ทอมัส สกอตต์ มี 2 อย่างคือ
1. หน้าที่การงานที่เติบโต
ด้วยอุตสาหกรรมรถไฟที่กำลังโตและความสามารถในการทำงานของเขา ทำให้ แอนดรูว์ คาร์เนกี ในวัย 24 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ควบคุมรถไฟในทิศตะวันตก ซึ่งก็ถือเป็นอาชีพที่มั่นคงในยุคนั้น หากปรับค่าเงินเฟ้อแล้ว เขาได้รับเงินสูงถึง 43,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 1,400,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
2. รู้จักการสะสมความมั่งคั่ง
แอนดรูว์ คาร์เนกี ได้รู้จักคำว่า การลงทุน โดยหุ้นตัวแรกที่เขาซื้อคือหุ้น Adams Express ซึ่งซื้อตามคำแนะนำของ ทอมัส สกอตต์ นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจเรื่องการลงทุน
ด้วยหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการลงทุน ทำให้ความมั่งคั่งของ แอนดรูว์ คาร์เนกี ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แล้ว แอนดรูว์ คาร์เนกี เริ่มธุรกิจของตัวเองตั้งแต่เมื่อไร ? ในช่วงปี 1860 ถึง 1865 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีความต้องการเหล็กเพื่อใช้ในการสร้างอุปกรณ์ และอาคารต่าง ๆ เมื่อ แอนดรูว์ คาร์เนกี เห็นโอกาสตรงจุดนี้ ทำให้เขาตัดสินใจก่อตั้งโรงผลิตเหล็กขึ้นมา จนในปี 1865 ได้กลายมาเป็น “The Keystone Bridge Company” ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสร้างสะพาน รางรถไฟ และโครงสร้างเหล็กสำหรับอาคาร และภายหลังจากสงครามยุติลง เขาได้ออกจากบริษัท The Pennsylvania Railroad เพื่อมาโฟกัสกับธุรกิจเหล็กอย่างเต็มที่ ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับ ทอมัส สกอตต์ ก็ได้ทำให้บริษัท The Keystone Bridge ของเขาได้รับการจ้างงานจากบริษัท The Pennsylvania Railroad อยู่เป็นประจำ
ด้วยอุตสาหกรรมรถไฟที่กำลังโตและความสามารถในการทำงานของเขา ทำให้ แอนดรูว์ คาร์เนกี ในวัย 24 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ควบคุมรถไฟในทิศตะวันตก ซึ่งก็ถือเป็นอาชีพที่มั่นคงในยุคนั้น หากปรับค่าเงินเฟ้อแล้ว เขาได้รับเงินสูงถึง 43,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 1,400,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
2. รู้จักการสะสมความมั่งคั่ง
แอนดรูว์ คาร์เนกี ได้รู้จักคำว่า การลงทุน โดยหุ้นตัวแรกที่เขาซื้อคือหุ้น Adams Express ซึ่งซื้อตามคำแนะนำของ ทอมัส สกอตต์ นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจเรื่องการลงทุน
ด้วยหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการลงทุน ทำให้ความมั่งคั่งของ แอนดรูว์ คาร์เนกี ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แล้ว แอนดรูว์ คาร์เนกี เริ่มธุรกิจของตัวเองตั้งแต่เมื่อไร ? ในช่วงปี 1860 ถึง 1865 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีความต้องการเหล็กเพื่อใช้ในการสร้างอุปกรณ์ และอาคารต่าง ๆ เมื่อ แอนดรูว์ คาร์เนกี เห็นโอกาสตรงจุดนี้ ทำให้เขาตัดสินใจก่อตั้งโรงผลิตเหล็กขึ้นมา จนในปี 1865 ได้กลายมาเป็น “The Keystone Bridge Company” ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสร้างสะพาน รางรถไฟ และโครงสร้างเหล็กสำหรับอาคาร และภายหลังจากสงครามยุติลง เขาได้ออกจากบริษัท The Pennsylvania Railroad เพื่อมาโฟกัสกับธุรกิจเหล็กอย่างเต็มที่ ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับ ทอมัส สกอตต์ ก็ได้ทำให้บริษัท The Keystone Bridge ของเขาได้รับการจ้างงานจากบริษัท The Pennsylvania Railroad อยู่เป็นประจำ
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งของแอนดรูว์ คาร์เนกี เกิดขึ้นเมื่อปี 1867
เมื่อบริษัท Keystone Bridge ของแอนดรูว์ คาร์เนกี ได้รับมอบหมายงานจากบริษัท The Pennsylvania Railroad ให้สร้างสะพานเดินรถไฟเชื่อมระหว่างฝั่งตะวันตกกับตะวันออก
ซึ่งต้องข้ามแม่น้ำมิสซิสซิปปี ที่มีระยะทางในการข้ามคือ 1 ไมล์ หรือประมาณ 1.6 กิโลเมตร
แต่ด้วยกระบวนการผลิตที่ยากจึงทำให้มีราคาที่แพงและการใช้งานก็ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายสำหรับการใช้โครงสร้างขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นเพียงใช้ในการสร้างสิ่งของชิ้นเล็ก
แต่ด้วยคุณสมบัติความแข็งแรงของเหล็กกล้า แอนดรูว์ คาร์เนกี ก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้วัสดุดังกล่าวสร้างสะพานขึ้นมา
ในช่วงเริ่มต้น การก่อสร้างเต็มไปด้วยความทุลักทุเล ทั้งเรื่องความยากในการสร้างและต้นทุนที่บานปลาย
แม้จะใช้เวลาในการสร้างนานถึง 4 ปี
แต่ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างสะพานสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันก็คือสะพาน “Eads Bridge”
และด้วยความสำเร็จนี้เอง ทำให้ธุรกิจเหล็กของ แอนดรูว์ คาร์เนกี เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ทำให้บริษัทเดินรถไฟต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เหล็กในการทำรางมากขึ้น